Loading...

เริ่มสร้าง ‘Growth Mindset’ พลิกคำทำนายเดิม ๆ และเชื่อว่า ‘คนเราพัฒนาได้’

ทุกคนมี Growth Mindset ได้ เมื่อคุณพร้อมจะพัฒนาตัวเอง และเชื่อว่าตัวเราเปลี่ยนแปลงได้ หักล้างคำทำนายผลในใจของคุณ แล้วมาเติบโตไปพร้อมกัน!

วันศุกร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ.2567

     ศ.ดร.นภดล ร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการโครงการปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายภาพกว้างเกี่ยวกับ Growth Mindset ว่า Growth Mindset’ คือ ความคิดที่เราเชื่อว่า ‘ตัวเราเปลี่ยนแปลงได้’ ไม่ยึดติดว่าเราทำไม่ได้หรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คนที่มี Growth Mindset คือคนที่พร้อมจะพัฒนาตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองสามารถที่จะดีขึ้นได้เรื่อย ๆ หรืออาจเป็น ‘ความเชื่อของคน ที่เชื่อว่าตัวเองจะเติบโตขึ้นไปได้’ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ อาจารย์ นักเรียน นักศึกษา รวมถึงคนทำงานอาชีพใดก็ตาม ทุกคนมี Growth Mindset ได้

     “อะไรที่ทำแล้วล้มเหลว คนที่มี Growth Mindset จะคิดว่าเขาล้มเหลวครั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าจะเป็นตราบาปแล้วจะล้มเหลวไปตลอดกาล มันต้องมีวิธีการที่จะทำให้ดีขึ้นได้ โดยเขาจะไม่ย่อท้อ ไม่ได้เกี่ยวกับการทำงานอย่างเดียว แต่รวมไปถึงทุกเรื่อง อย่างการเรียน หรือเรื่องในชีวิตประจำวัน”

     ยกตัวอย่าง เช่น หากนักศึกษาสอบควิซครั้งแรกแล้วคะแนนน้อยมาก แต่ถ้าคุณมี Growth Mindset คุณจะไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเราทำไม่ได้ แต่คุณจะคิดว่ามันจะต้องมีวิธีการที่จะทำให้เราเรียนดีขึ้นกว่านี้ ซึ่งคุณก็จะไปสืบเสาะหาว่าสิ่งที่คุณต้องทำมีอะไรบ้าง เช่น อ่านหนังสือเพิ่มไหม หรือลองให้เพื่อนมาสอนดีไหม หรือหาเทคนิคการเรียนอื่น ๆ ที่จะทำให้เราเรียนรู้เรื่องขึ้น เมื่อคุณทำได้สำเร็จในครั้งต่อมา คุณจะเริ่มย้ำเตือนว่าด้วยวิธีการคิดแบบนี้หรือวิธีการทำแบบนี้ มันเวิร์ก! ซึ่งต่างจากคนที่ไม่มี Growth Mindset เขาจะเชื่อว่าเขาทำไม่ได้ แล้วเขาทำได้ดีเท่านี้ ซึ่งมันก็จะเป็น ‘คำทำนายที่เป็นจริง’ เพราะเขาจะย้ำเตือนตัวเองว่าสอบกี่ครั้งก็เป็นอย่างนี้แหละ

เตรียมตัวสร้าง Growth Mindset

     1. ต้องเปลี่ยนความคิด สำหรับคนที่มีแนวโน้มมี Growth Mindset อยู่แล้วถ้าคุณเปลี่ยนความคิดได้ว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ ทุกอย่างดีขึ้นได้ เชื่อว่าเราก็มี Growth Mindset ได้ทันทีเลย

     ส่วนคนที่มี Fixed Mindset หรือคนที่เชื่อว่าเราทำไม่ได้ ลองถามตัวเราเองว่ามีอะไรบ้างในชีวิตที่ตอนแรกเราทำไม่ได้ แต่ตอนหลังเราทำได้ เช่น ตอนเด็กเราเคยขี่จักรยานไม่เป็น ขี่แล้วล้ม เคยท้อ แต่สุดท้ายเราก็ทำได้ ให้เราเริ่มคิดถึงเรื่องพวกนี้ก่อน เพื่อเป็นหลักฐานว่า ‘เฮ้ยมันทำได้จริง’ ความคิดที่เราคิดว่าเราเปลี่ยนไม่ได้มันจะลดลง เพราะมันมีหลักฐาน

     “หลักฐานที่เกิดขึ้นจากชีวิตเราครับ มองหลาย ๆ เรื่องเลยครับ เราเปลี่ยนแปลงได้ตั้งหลาย ๆ เรื่อง”

     2. หาตัวอย่างสร้างแรงบันดาลใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือการเรียนหรือสิ่งที่เราไม่เคยมีประสบการณ์ ให้คุณหาหนังสือหรือตัวอย่างจากบุคคลคนอื่น ที่แต่ก่อนเขาทำได้แย่มาก เคยล้มเหลว แต่ตอนสุดท้ายเขากลับมาสำเร็จได้ เราจะเห็นหนังสือและคลิปตัวอย่างต่าง ๆ เหล่านี้จำนวนมาก ที่ยืนยันว่าคนเราเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้เสมอ เช่น J.K. Rowlling เขียนนวนิยายแฮร์รี่ พอตเตอร์ ส่งไปยังสำนักพิมพ์ 10 แห่ง กลับถูกปฏิเสธทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ได้รับการตอบรับ เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์หนังสือเปลี่ยนชีวิต พวกนี้คือตัวอย่างที่จะทำให้เราเปลี่ยนความคิดได้

     “พัฒนาครั้งแรกแล้วมันไม่เวิร์ก ก็อย่าเพิ่งท้อใจครับ มันไม่ได้มีวิธีเดียว วิธีนี้ไม่เหมาะกับเรา เราก็ไปหาวิธีที่ 2 3 4 5 ถ้าเราไม่หยุดหา เราก็จะประสบความสำเร็จ ผมคิดว่ามันมีคนที่เคยเจอปัญหาที่เราเจออยู่ แล้วก็มีคนแก้ปัญหาเหล่านั้นได้หมดแล้วครับ”

ข้อดีของคนมี Growth Mindset

     1. ความสุข การมีจิตใจที่เราคิดว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ มันเป็นจิตใจที่มีความสุขได้ง่ายกว่าจิตใจที่คิดว่านี่มันคือชะตากรรม

     2. ความสำเร็จ คนที่คิดว่ามันเปลี่ยนแปลงได้เขาจะหาวิธีเปลี่ยนแปลง เพราะความสำเร็จมักเกิดกับคนที่ Growth Mindset เขาจะหาทางเปลี่ยนแปลงทุกทาง ไม่หยุดที่จะพัฒนาตัวเองจนสำเร็จ ส่วนคนที่มี Fixed Mindset คือเขาจะไม่รู้สึกแม้กระทั่งอยากจะเปลี่ยน เพราะเขารู้สึกว่ามันถูกเซ็ตมาแล้ว

     “ผมแนะนำหนังสือชื่อ Mindset ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา โดย Carol S. Dweck มีฉบับแบบภาษาไทย คุณจะได้เห็นหลาย ๆ แง่มุมมากยิ่งขึ้นครับ” ศ.ดร.นภดล ฝากทิ้งท้าย